เมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงประมาณกลาง ๆ เดือนเมษายนหรือพฤษภาคมของทุกปี จะเป็นช่วงที่เข้าสู่หน้ามรสุม ทำให้เกิดพายุและฝนฟ้าคะนองทั่วพื้นที่ของประเทศ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับหลายบ้าน หากบ้านไหนมีปัญหาหลังคารั่วเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ความรุนแรงของลมมรสุมพายุฤดูร้อนที่เกิดขึ้น อาจจะทำให้หลังคาที่รั่วอยู่แล้วมีโอกาสรั่วหนักกว่าเดิม กลายเป็นปัญหาที่บานปลายและใหญ่ขึ้น
แน่นอนว่าปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นแทบทุกปี ปีที่แล้วก็รั่ว ปีนี้ยังต้องเผชิญกับน้ำรั่วอีก การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนหน้าฝนจะมาถึง จึงเป็นเรื่องที่ดี รีบลงมือซ่อมแซมหลังคาตั้งแต่ตอนนี้ มองหาช่างฝีมือดีไว้ก่อน จะได้ไม่ต้องพบกับปัญหาดังต่อไปนี้
1. ฝนแรก มักมาพร้อมลมมรสุมพายุฤดูร้อน
ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเมษายนและพฤษภาเป็นต้นไป ประเทศไทยจะเข้าสู่หน้ามรสุม ทำให้เกิดพายุฤดูร้อน มีฝนฟ้าคะนองทั่วพื้นที่ มีลมกระโชกแรง อาจส่งผลให้หลังคาที่อาจมีรอยรั่วอยู่แล้ว จะยิ่งรั่วมากขึ้นและมีอาการหนักกว่าเดิม
2. หลังคารั่ว = ระเบิดเวลา
รอยรั่วซึมของหลังคา จะทำให้น้ำเข้าไปทำความเสียหายต่อโครงสร้างของบ้านอย่างช้า ๆ ทำให้กว่าเราจะรู้ตัว ก็อาจจะทำให้บ้านเสียหายไปมากแล้ว ที่นี้การซ่อมจะยิ่งยากขึ้น เสียค่าใช้จ่ายแพงขึ้นไปด้วย
3. ล่าช้า วุ่นวาย ช่างซ่อมไม่สะดวก
การซ่อมแซมหลังคาในช่วงหน้าฝนจะทำให้เกิดความวุ่นวาย เพราะหลายบ้านก็ต้องการซ่อมแซมหลังคาด้วยเช่นกัน นั่นอาจจะทำให้การซ่อมหลังคาเป็นไปอย่างล่าช้า อีกทั้งช่างยังจะซ่อมได้ไม่สะดวกเนื่องจากปัญหาจากฝนตกอีกด้วย
4. ช่างซ่อมหลังคาคิวแน่น
ช่วงหน้าฝน ช่างฝีมือดี ๆ มักจะมีคิวซ่อมที่แน่น อาจจำใจต้องต้องซ่อมแบบชั่วคราวเพื่อประทังปัญหาหลังคารั่วไปก่อน สุดท้ายซ่อมไม่หายขาด หลังคารั่วซ้ำซาก ต้องเสียเงินและเวลาซ่อมใหม่ซ้ำซ้อน
เมื่อเรารู้ปัญหาทั้งหมดแต่เนิ่น ๆ แล้ว การเลือกช่างที่มีประสบการณ์ และเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสม และทนต่อสภาพอากาศ มีอายุการใช้งานสูงและวิธีการซ่อมแบบตรงจุด แก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่เราควรดำเนินการก่อนที่หน้าฝนจะมาถึง ซึ่งทาง เสริมไท สตีลเวิคส์ ก็มีบริการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านหลังคา หรือเมทัลชีท รวมถึงมีช่างผู้เชี่ยวชาญ พร้อมกับวัสดุคุณภาพ ไว้คอยให้บริการงานต่อเติม หรือ ซ่อมหลังคา
